![790x442.jpg](https://webdata.thaichamber.org/public/upload/images/news/790x442.jpg)
กกร. ปรับลดเป้าส่งออก ปี 66 เหลือ 0 ถึง -1 แต่การท่องเที่ยวจะช่วยฉุด GDP ดีขึ้น
วันที่เผยแพร่ 01 มี.ค. 2566
กกร. ปรับลดเป้าส่งออก ปี 66 เหลือ 0 ถึง -1
แต่การท่องเที่ยวจะช่วยฉุด GDP ดีขึ้น
นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เป็นประธานร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ประจำเดือนมีนาคม โดยมี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กกร. เป็นประธานในการประชุม และนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย , นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธานร่วมในการแถลงข่าว
โดยที่ประชุม กกร. ได้ประเมินเศรษฐกิจไทย โดยการส่งออกของไทยมีแนวโน้มหดตัวต่ออีกระยะหนึ่ง สอดคล้องกับการส่งออกของคู่แข่งของไทยในภูมิภาค เช่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่มีทิศทางหดตัวเช่นเดียวกัน โดยได้รับผลกระทบจากกิจกรรมภาคการผลิตของโลกที่ยังอยู่ในภาวะหดตัว ดังนั้น มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2566 อาจต่ำกว่าปีที่ผ่านมาได้
ที่ประชุม กกร. จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.0-3.5% ตามกรอบเดิมที่เคยประเมินไว้ แม้ว่าการส่งออกจะมีโอกาสหดตัวในกรอบ-1.0% ถึง 0.0% เทียบกับประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.0% ถึง 2.0% แต่การท่องเที่ยวและการขับเคลื่อนการใช้จ่ายของภาครัฐยังเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจ สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2.7 ถึง 3.2%
ที่ประชุมกกร. มีความคิดเห็นว่าเนื่องจากภาคการส่งออก จะมีแนวโน้มชะลอตัว ตามภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้นเศรษฐกิจไทยควรให้ความสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เร่งการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล รวมทั้งอาศัยโอกาสจากภาคการท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วงนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวได้ในกรอบประมาณการเศรษฐกิจเดิม
นอกจากนี้ที่ประชุมยังแสดงความคิดเห็นเรื่องค่าแรง ความผันผวนของค่าเงินบาทและต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ปัจจัยท้าทายเหล่านี้ส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งภาคเอกชน อยากให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้ร่วมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นการแก้ไขปัญหา รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้สามารถปรับตัวรับความเสี่ยงผลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยที่ทยอยปรับสูงขึ้น
ที่ประชุมกกร. ตระหนักถึงภัยหลอกลวงทางการเงินออนไลน์ ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ กิจกรรมที่ใช้อำนวยความสะดวก ซึ่งภาคธุรกิจจะทบทวนช่องทางเหล่านี้เพื่อป้องกันภัยทางการเงินที่จะเกิดขึ้น โดยล่าสุดภาคธนาคารทยอยลดการใช้ SMS ในการติดต่อลูกค้าในระยะนี้ โดยการแก้ปัญหาภัยทางการเงิน ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ครอบคลุมทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ (end to end) ตั้งแต่การใช้มือถือ จนถึงการโอนเงินออก ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียต่างๆ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยภาคธนาคารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเท่านั้น
#Thaichamber
#หอการค้าไทย
#สร้างความเชื่อมั่น
#ร่วมกันสร้างสรรค์
#ช่วยกันผลักดัน
#connectthedots
-------------------------------------------
ติดตามข้อมูลสาระสำคัญต่างๆ ได้ทาง
Website : www.thaichamber.org
Line@ : https://bit.ly/2ZiAoCc
Instragram : https://bit.ly/2v5TYE7
Facebook : https://bit.ly/2V388o8
YouTube Channel : https://bit.ly/2Un4uA